มาตรฐานข้อมูลสุขภาพ FHIR (ตอนที่ 1)
มาตรฐานข้อมูลสุขภาพ FHIR (ตอนที่ 1)
โดย นพ.ดาวฤกษ์ สินธุวณิชย์
เรื่องมาตรฐานข้อมูลสุขภาพ เพื่อให้โรงพยาบาลและสถานบริการสุขภาพต่างๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ เพื่อช่วยให้มีการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง (Standard and Interoperability) รวมทั้งใช้ในการเบิกจ่าย หรือรวบรวมเป็นข้อมูลไปใช้ในการบริหาร เช่น การเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา การวางแผนด้านการสาธารณสุขและการแพทย์
ผู้ที่ทำงานด้านข้อมูลสุขภาพ คงรู้จัก HL7 Health Level Seven ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ก่อตั้งในปี 1987
HL7 มีการพัฒนาและมีผู้นิยมใช้กันมาก ในVersion 2
แต่เมื่อพัฒนาเป็น Version 3 ซึ่งมีความละเอียดมาก ประมาณปี2009 กลับไม่แพร่หลาย เพราะใช้ยาก และคนส่วนใหญ่ยังคุ้นเคยกับการใช้ HL7 Version2 อยู่
Grahame Grieve เป็นชาวนิวซีแลนด์
จบชีวเคมีและพฤกษศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยAuckland ในนิวซีแลนด์ ไปทำงานที่ห้องLab รพ.St Vincent เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
เรียนต่อปริญญาเอก และทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นเรื่องเบาหวานและไลปิดเมตาบอลิซึม ร่วมทีมงานกับแพทย์และอาจารย์ปริญญาเอก มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น
ระหว่างนั้นมีบริษัทคอมพิวเตอร์มาติดตั้งโปรแกรม กรีฟจึงได้ร่วมงานเขียนโปรแกรม และเป็นหัวหน้าทีมโปรแกรมเมอร์ ติดตั้งโปรแกรมให้กับรพ.หลายแห่งในออสเตรเลีย กรีฟได้เรียนรู้เรื่องมาตรฐานข้อมูล และได้เป็นหัวหน้าHL7 ของออสเตรเลีย กรีฟขลุกอยู่กับHL7 10-15ปี จึงได้พัฒนา FHIR® – Fast Healthcare Interoperability Resources โดยเลือกเอาส่วนดีของ HL7 Version2 , Version3 และ CDA มาปรับปรุงให้ง่ายขึ้น ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และเปิดให้ใช้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
FHIR Version1 เริ่มเมื่อปี 2014
Version 2 ปี 2015
Version 3 ปี 2017
และ Version 4 เพิงปรากฏ เมื่อ 27 ธันวาคม 2018
กรีฟยังได้ก่อตั้งบริษัทHealth Intersection ทำธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านข้อมูลและซอฟท์แวร์
http://healthstandards.com/blog/2013/06/11/5-qs-grahame-grieve/
http://www.healthintersections.com.au/
https://medium.com/@louise_schaper/dissecting-digital-health-with-grahame-grieve-2566dfe150ba
Reference
https://www.facebook.com/FHIRthaild/posts/167745641262816